ปัญหาหัวล้าน-เถิก ไม่ใช่เรื่องใหญ่ หรือส่งผลเสียต่อสุขภาพกายแต่อย่างไร แต่ก็เป็นเรื่องที่กวนใจ ทำให้เสียสุขภาพจิตกันไม่ใช่น้อย

เพราะการที่เป็นคนหัวล้าน-เถิกโดยเฉพาะตั้งแต่อายุยังไม่มากส่งผลกระทบต่อบุคลิกภาพของเราเป็นอย่างมาก ทำให้ขาดความมั่นใจในตัวเองที่อาจส่งผลต่อการทำงาน รวมไปถึงมีปัญหาเรื่องอกหักรักคุดตามมาอีกด้วย ปัญหาหัวล้าน-เถิก เป็นเรื่องที่ผู้ชายทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้วแต่ความโชคดีของแต่ละคนว่าจะเริ่มมีอาการล้าน-เถิกกันที่อายุเท่าไร เนื่องจากเป็นปัญหาที่สืบทอดกันมาทางพันธุกรรม และฮอร์โมนเพศชายที่มีในผู้ชาย และผู้หญิง (ในปริมาณที่น้อยกว่าผู้ชาย) ทุกคนตามธรรมชาติ โดยในผู้ชายจะมีฮอร์โมนเพศชายตัวหลักที่มีชื่อว่าเทสโทสเตอโรน (testosterone) ที่จะถูกเปลี่ยนไปเป็นฮอร์โมนเพศชายอีกตัวหนึ่งที่มีชื่อว่า dihydrotestosterone (DHT) โดยเอนไซม์ 5-alpha reductase ที่รากผม ซึ่งฮอร์โมน DHT นี้เป็นตัวการที่ไปทำให้เส้นค่อย ๆ มีขนาดเล็กลงและหายไปจากหนังศีรษะในที่สุดทำให้ผมบาง เถิก และล้านในที่สุด ซึ่งวิธีรักษาอื่น ๆ ก็รักษาได้ไม่ดีเท่ากับการปลูกผม

เมื่อมีวัตกรรมการ “ปลูกผม“ เข้ามาช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ได้ ทำให้ผู้ชายหลายคนที่ไม่อยากแก้ปัญหาด้วยการกินยาอย่างเดียวแต่ให้ผลลัพธ์ได้เพียงระดับหนึ่ง จึงเริ่มหันมาปลูกผมเพื่อผลลัพ์ในการรักษาที่ดียิ่งขึ้น และในบางคนก็ถือโอกาสปรับรูปลักษณ์ด้วยการปลูกผมที่สามารถออกแบบแนวเส้นผมให้ใบหน้าดูดีมากขึ้น และเมื่อมีผมในส่วนที่หายไปอีกครั้งก็ช่วยกระชากวัยให้กลับมาดูหนุ่ม ในปี2022

แต่ก่อนที่จะคิดจะปลูกผม มีเรื่องอะไรที่เราต้องรู้ก่อนตัดสินใจจ่ายเงินก้อนโตไปบ้าง มาอ่านกันดูค่ะ

1) ไม่ใช่ทุกคนจะปลูกผมแบบ DHI หรือ FUE

แน่นอนว่าคนทุกคนที่มีปัญหาหัวล้าน-เถิก ก็อยากจะกลับมามีผมอีกครั้ง แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะปลูกผมได้นะครับ เพราะการปลูกผมในที่นี้ คือ การปลูกผม โดยการนำผมของท่านเองที่ยังสมบูรณ์จากบริเวณด้านหลังของศีรษะที่ได้รับอิทธิพลของฮอร์โมน DHT น้อยกว่าบริเวณอื่นย้ายมาปลูกยังบริเวณที่ต้องการแก้ไข เปรียบเสมือนการถอนย้ายต้นกล้ามาปลูกยังบริเวณที่ต้องการ เพราะฉะนั้นเอามือจับท้ายทอยตัวเองดู ถ้ายังมีผมเยอะสมบูรณ์อยู่ ก็สามารถปลูกผมแบบ DHI หรือ FUE ได้ค่ะ

แต่ทั้งนี้ ก็ต้องมาให้หมอวินิจฉัยดูสภาพกราฟต์ผมด้านหลังอีกทีว่าสมบูรณ์และเพียงพอกับบริเวณที่เราต้องการจะปลูกหรือไม่ ถ้าพื้นที่ปัญหามีความกว้างใหญ่ในขณะที่ผมที่มีนั้นน้อยเกินกว่าที่จะปลูกให้มีความหนาแน่นสูง ผลลัพธ์ที่จะได้นั้นผมใหม่ที่ดูหนาแน่นเป็นธรรมชาติคงเป็นเรื่องยาก จึงต้องมีการประเมิน และออกแบบให้พื้นที่ปัญหามีความพอดีกับจำนวนผมที่คนคนนั้นมีเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดูดีเป็นธรรมชาติในระยะยาวค่ะ

2) การปลูกผมแบบ DHI หรือ FUE ไม่ใช่ทางออกเดียวเสมอไป

คนส่วนใหญ่มักคิดว่าผมบางและหัวล้าน-เถิก คือเรื่องเดียวกัน และต้องแก้ไขปัญหาด้วยวิธีเดียวกันเท่านั้น คือ การปลูกผมแบบ DHI หรือ FUE ซึ่งจริง ๆ แล้ว คนที่มีปัญหา “ผมบาง” คือ ผู้ที่ยังมีผมอยู่แต่มีลักษณะที่ผมเส้นที่ยังโตอยู่ปนไปกับผมเส้นที่เล็กลงและอาจร่วมกับผมบางส่วนที่ได้หลุดร่วงไป ทำให้เผยให้เห็นหนังศีรษะได้ง่ายขึ้น ปัญหาเช่นนี้สามารถแก้ไขให้ดีขึ้นได้ด้วย ReCell Hair Microtransplant ด้วยการใช้เซลล์รากผมที่แข็งแรงไปกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมที่อ่อนแอให้ค่อย ๆ กลับมาโตอีกครั้ง รวมทั้งกระตุ้นรูขุมขนที่ยังไม่ปิดให้กลับมามีเส้นผมงอกใหม่อีกครั้งให้มากที่สุด ช่วยทำให้บริเวณที่มีปัญหาผมบางกลับมาดูมีผมเพิ่มมากขึ้นและปกคลุมหนังศีรษะอีกครั้งค่ะ

3) กราฟต์ คืออะไร?

กราฟต์ (Graft) เป็นคำที่ใช้เรียกในกระบวนการปลูกผม ซึ่งหมายถึง กอผมที่ถูกดึงออกมาใช้ในการปลูกผม ทั้งนี้โดยปกติกอผมแต่ละกอจะมีเส้นผมอยู่รวมกันตั้งแต่ 1เส้นขึ้นไป และคนเราจะมีกอผมทุกขนาดอยู่บนหนังศีรษะ โดยในการปลูกผมจำนวนกราฟต์ที่ต้องใช้ในการปลูกผมจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับปัญหาที่มีของแต่ละคน กราฟต์ผมที่ได้มาจะถูกนำไปเตรียมและคัดแยกตามจำนวนเส้นผมที่มีในแต่ละกราฟต์ก่อนนำไปปลูกยังบริเวณที่ต้องการ งานปลูกผมจึงเป็นงานที่ต้องใช้ความละเอียดในการทำเพื่อให้ได้เส้นผมที่แข็งแรง และผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติที่สุดที่จะอยู่กับคุณไปตลอดชีวิตค่ะ

ในทางการแพทย์ กราฟต์ (graft) คือ เนื้อเยื่อที่มีความสมบูรณ์แข็งแรงที่ถูกนำมาจากส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายเพื่อนำไปใช้ในการซ่อมแซมส่วนอื่นของร่างกายที่มีความเสียหาย ฉะนั้นกราฟต์ผม (Hair graft) ก็คือเนื้อเยื่อเส้นผมที่มีความสมบูรณ์แข็งแรงที่ถูกย้ายไปเพื่อซ่อมแซมบริเวณที่ไม่มีเส้นผมแล้วนั่นเองค่ะ

4) ผมที่ปลูกหลุดร่วงได้ในระยะแรก

ในปกติแล้วช่วงระยะประมาณ 1 เดือนหลังการปลูกผมแบบย้ายราก ผมที่ปลูกไปจะมีการหลุดร่วงเกิดขึ้น รวมไปถึงเส้นผมบริเวณใกล้เคียงอาจมีการหลุดร่วงตามไปด้วย (Shock loss period) หลายท่านอาจกังวลว่า ผมที่ปลูกไปใหม่จะหลุดไปด้วยและจะไม่ขึ้นมาอีกใช่ไหมล่ะคะ ซึ่งไม่ต้องกังวลไปนะคะ เพราะรากผมที่ทำการปลูกได้ติดแน่นอยู่ภายใต้หนังศีรษะแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปอีกสักระยะหนึ่งก็จะมีเส้นผมใหม่งอกให้เห็นอีกครั้งและจะค่อย ๆ ทยอยงอกออกมาเรื่อย ๆ จนผมขึ้นทั้งหมดหลังจากผ่านไปประมาณ 1 ปีค่ะ

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดีที่สุดควรจะต้องทำตามคำแนะนำของแพทย์ด้วยนะคะ

5) ปลูกผมกับแพทย์ประสบการณ์สูงด้านการปลูกผม

การตัดสินใจปลูกผม ก็เหมือนกับ การตัดสินใจทำศัลยกรรมแบบอื่น ๆ คือ ไม่ใช่เพียงแค่เลือกที่ราคาค่าบริการ แต่ต้องพิจารณาจากประสบการณ์และความชำนาญของแพทย์เป็นสิ่งสำคัญที่สุด